เสฏฐวุฒิ อุดาการ
เมื่อวันเกิดที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งได้มอบหนังสือเป็นของขวัญ นับว่าถูกใจมากทีเดียว
หนังสือเล่มนั้นคือ “We Need to Talk about Xi” ของ Michael Dillon ผู้เชี่ยวชาญจีนที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์จีนที่มหาวิทยาลัย King’s College London
ก่อนหน้านี้ศาสตราจารย์ Dillion เคยเขียนหนังสือเรื่อง “
มาคราวนี้ก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่อง “สี” แต่เป็นจีนสมัยใหม่ที่เลยยุคแมวดำ แมวขาว แมวแดง ไปแล้ว
เหลือเพียงแค่ “สีเดียว” คือ “สี จิ้นผิง”
We Need to talk about Xi เป็นหนังสือเล่มไม่หนามากนัก อ่านง่ายและจบเร็ว
เหมาะกับผู้ที่ต้องการศึกษาความคิดทางการเมืองของสี จิ้นผิง ให้ลึกซึ้งมากขึ้น
เพราะตามสไตล์สำนัก Classical Realism ที่ให้ความสำคัญกับภูมิประวัติของผู้นำ
ในประเทศที่ปกครองด้วยระบบอำนาจนิยม การจะเข้าใจนโยบายต่างประเทศ
ต้องอ่านวิธีคิดของผู้นำให้ขาด ซึ่งการศึกษาตัวตนของคนผู้นี้เป็นสิ่งที่จำเป็น
จากการอ่านทำให้แบ่งความคิดทางการเมืองของสีได้เป็น 8 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ความเป็นผู้นำที่รวมศูนย์อำนาจอย่างสูงสุด
หนึ่งในแนวคิดหลักของสี จิ้นผิง คือ การรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ตัวผู้นำสูงสุด ซึ่งเป็นการย้อนรอยกลับไปยังแนวทางของเหมา เจ๋อตง โดยมองว่าผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ควรมีอำนาจเบ็ดเสร็จ เพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐ สีได้ยกเลิกการจำกัดวาระประธานาธิบดีเมื่อปี 2018 เปิดทางให้เขาอยู่ในอำนาจต่อไปไม่มีกำหนด
แนวทางนี้เป็นการปฏิเสธระบบหมุนเวียนอำนาจที่ถูกสร้างขึ้นหลังยุคเหมา เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้นำเผด็จการอีกคนหนึ่งขึ้นมาครองอำนาจนานเกินไป สีจึงถูกมองว่าได้รื้อฟื้นระบบผู้นำสูงสุด และขจัดกลไกถ่วงดุลภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีนออกไปอย่างมีนัยสำคัญ
2. การฟื้นฟูบทบาทของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
สี จิ้นผิง เชื่อว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ต้องเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในประเทศจีน เขาประกาศว่า “พรรคต้องนำทุกสิ่ง”(The Party leads everything) ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม การศึกษา หรือศาสนา
3. แนวคิดความมั่นคงแบบครอบจักรวาล
สีให้ความสำคัญกับ “ความมั่นคง” ในความหมายที่กว้างและลึก ไม่ใช่แค่ความมั่นคงทางทหารหรือความมั่นคงของรัฐ แต่ยังรวมถึงความมั่นคงทางอุดมการณ์ ความมั่นคงทางวัฒนธรรม ความมั่นคงไซเบอร์ และ ความมั่นคงทางอาหาร
4. การสร้างภาพลักษณ์ผู้นำแห่งชาติ
สีได้ส่งเสริม ลัทธิบูชาบุคคล ผ่านโฆษณาชวนเชื่อในทุกระดับ เขาถูกนำเสนอเป็น “ผู้นำสูงสุด” ผู้ชาญฉลาด มีวิสัยทัศน์ และเปี่ยมด้วยศีลธรรม สื่อของรัฐแสดงภาพเขาเป็นผู้นำที่ใกล้ชิดประชาชน และมีบทบาทแทบทุกกิจกรรมของชาติ
แนวโน้มนี้สะท้อนความพยายามสร้าง “ความคิดทางการเมืองของสี จิ้นผิง” ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าคำสอนของเหมา ซึ่งถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญพรรค และสอนในระบบการศึกษา เพื่อวางรากฐานระยะยาวให้สีเป็น “ผู้นำทางปัญญา” ของประเทศ
5. แนวคิด Chinese Dream
อีกหนึ่งแกนกลางของอุดมการณ์สี จิ้นผิงคือ “Chinese Dream” ซึ่งคือแนวคิดแห่งการฟื้นคืนความยิ่งใหญ่ของจีนในเวทีโลก แนวคิดนี้ผสมผสานระหว่าง ชาตินิยม ความมั่นคง และความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ โดยจีนจะไม่ยอมถูกกดขี่หรือถูกชี้นำจากตะวันตกอีกต่อไป สีใช้ Chinese Dream เป็นเครื่องมือชี้นำทั้งนโยบายในประเทศ เช่น การลดความเหลื่อมล้ำ และนโยบายต่างประเทศ เช่น โครงการ Belt and Road Initiative
6. การฟื้นฟูขั้วอำนาจอัตตาธิปไตยแบบจีน (Authoritarian Modernization)
สี จิ้นผิง ไม่ได้เชื่อว่าการพัฒนาเศรษฐกิจต้องควบคู่กับประชาธิปไตยแบบตะวันตก ตรงกันข้าม เขาเชื่อใน โมเดลอัตตาธิปไตยแบบจีน ซึ่งรัฐควบคุมสังคมอย่างเข้มแข็งแต่ยังสามารถสร้างความเจริญได้
แนวทางนี้เรียกว่า “Authoritarian Modernization” คือ การควบคุมประชาชนและสื่อมวลชนอย่างแน่นหนา ขณะที่เศรษฐกิจพัฒนาอย่างรวดเร็วผ่านรัฐวิสาหกิจและการลงทุนในเทคโนโลยีระดับสูง เช่น AI, 5G, และการควบคุม Big Data เพื่อเสริมสร้างรัฐที่ “มีประสิทธิภาพสูง”
7. การมองโลกแบบต่อต้านตะวันตก
สีมองว่าสหรัฐฯ และโลกเสรีมีเจตนาแอบแฝงในการทำลายเสถียรภาพของจีน เช่น การสนับสนุนสิทธิมนุษยชน การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องซินเจียงหรือฮ่องกง และการสนับสนุนไต้หวัน
จากมุมมองนี้ สีจึงส่งเสริมนโยบายต่างประเทศเชิงรุกแบบ “นักรบหมาป่า” (Wolf Warrior Diplomacy) ซึ่งเป็นการเผชิญหน้าแทนการประนีประนอม และเน้นการสร้างพันธมิตรกับประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา เพื่อลดอิทธิพลของตะวันตก
8. การปราบปรามภายในเป็นการเสริมอำนาจภายนอก
การปราบคอร์รัปชันของสีมีเป้าหมายสองด้าน คือ ขจัดศัตรูภายในพรรค และสร้างภาพลักษณ์ว่าเขาคือผู้นำที่ มีศีลธรรมในสายตาประชาชน แม้การปราบโกงจะได้รับการสนับสนุนจากสังคม แต่ก็มีลักษณะคัดเลือกเฉพาะเจาะจง และมักใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
นอกจากนี้ การควบคุมประชากร เช่นในซินเจียงและทิเบต เป็นการสร้างเสถียรภาพภายใน เพื่อให้จีนสามารถดำเนินนโยบายระหว่างประเทศได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ความคิดทางการเมืองของสี จิ้นผิง ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการกำหนดนโยบายของไทยต่อจีน ทุกวันนี้แม้จะมีนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านจีนมากมาย แต่มีกี่คนที่จะสามารถเข้าใจความคิดของผู้นำจีนได้อย่างถ่องแท้ และมองระหว่างบรรทัดให้เห็นลึกกว่าโฆษณาชวนเชื่อว่าจีนต้องการอะไรกันแน่ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางที่เอื้อประโยชน์ให้จีนและพันธมิตร