ในภาคธุรกิจเริ่มมีการพูดถึงแนวคิด “Work3” มากขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้ต้องสืบค้นว่า Work3 คืออะไร สำคัญอย่างไร และมันจะกระทบกับเราอย่างไร
กล่าวอย่างสั้น ๆ Work3 คือ การรวมศักยภาพของมนุษย์เข้ากับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI
จากเดิมที่โลกของการทำงานเคลื่อนผ่านจากการใช้กำลังกายและสมองของมนุษย์ (Work 1.0) มาจนถึงยุคดิจิทัลที่มีการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยทำงาน (Work 2.0) มาจนถึงยุคปัจจุบันและอนาคตที่มีการใช้ AI เข้ามาช่วยทำงานมากยิ่งขึ้น (Work 3.0)
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด Work3 นั้นมาจากการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ทั้งการเกิดขึ้นของ Generative AI ที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้งาน AI ได้ง่าย ตลอดจนการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไป เช่น Remote Work และ Hybrid Work ที่ปรับมาจากการ Work From Home รวมถึงค่านิยมของคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ที่ไม่ได้มองหางานหนักที่มั่นคงอีกต่อไป แต่เลือกงานอิสระ ยืดหยุ่น และสามารถ Wok-Life Balance ไปพร้อมกันได้
นี่คือจุดแนวคิด Work3 ได้รับการพัฒนาเพื่ออธิบายภูมิทัศน์การทำงานสมัยใหม่
จุดเด่นของ Work3 ที่น่าจะถูกใจใครหลายคน คือ การโฟกัสที่ผลลัพธ์มากกว่าชั่วโมงทำงาน และสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ขอเพียงแค่ติดต่อได้ และมีการส่งตรงตามกำหนด ตลอดจนการใช้ AI เพื่อลดงานธุรการที่ไม่จำเป็น ตัดคนกลางที่ไม่เกี่ยวข้อง ช่วยลดงบประมาณและทำให้การทำงานมีอิสระ คล่องตัวมากขึ้น
อันที่จริง เชื่อว่ามีหลายหน่วยงานที่ปฏิบัติงานเช่นนี้มานานแล้ว เพียงแค่เพิ่มการใช้ AI เข้ามาช่วยเหลืองานธุรการหรือเพิ่มพูนขีดความสามารถในบางส่วน ก็น่าจะทำให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้จำนวนคนเท่าเดิม
สิ่งที่แนวคิด Work3 เคลมว่าเหนือว่ารูปแบบการทำงานที่ผ่าน ๆ มา คือ การช่วยแก้ไขภาวะ Burn Out ที่เกิดขึ้นในองค์กรได้ โดยเฉพาะภาวะงานมากกว่าคน หรืองานเทไปที่บางคนหนักเกินไป ตลอดจนการให้อิสระในการตัดสินใจ ยืดหยุ่นเรื่องเวลาและสถานที่ และเปิดโอกาสให้แต่ละคนสามารถ Upskill และ Reskill ตลอดเวลา
แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจาก Work2 ไป Work3 นั้นต้องใช้เวลา และความอดทน
แนวคิดนี้จึงเสนอให้เริ่มจากการตั้งทีมเล็กเพื่อขับเคลื่อนงานรูปแบบใหม่ ระบุปัญหาที่อยากแก้ไขให้ชัด
เลือก Project ที่วัดผลได้ขึ้นมา แล้วทดลองใช้ทีมดังกล่าวขับเคลื่อน
เป็นการทำงานแบบ Work3 ผสมผสานทั้งกำลังสมองและ AI เข้าด้วยกัน
มีการ Upskill และปรับวิธีการทำงานให้ยืดหยุ่น พร้อมกับทบทวนผลทุก ๆ 2-4 สัปดาห์ เพื่อตัดสินใจว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ การทดลองดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในภาพรวม เพราะเป็นทีมเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้สอดคล้องกับการปฏิรูป Work3
ไม่ช้าก็เร็ว การทำงานทั่วโลกจะต้องเข้าสู่ยุค Work3 ไม่ว่าจะต้องการมันหรือไม่ก็ตาม
สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการพัฒนาองค์กรให้สอดรับกับ AI ที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน
คือการพัฒนาและให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์
การลงทุนพัฒนาทีมงานให้รู้จักจุดเด่นของตัวเอง การเปิดโอกาสให้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่
การฝึกวินัย การปลูกฝังค่านิยมร่วมในองค์กร การทำงานเป็นทีม และการสร้างความเป็นมืออาชีพ
จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรอยู่รอดได้ในยุค Work3 ที่การทำงานจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป