หนึ่งในสิ่งที่มนุษย์เงินเดือน หรือ นักศึกษาจบใหม่ มักจะให้ความสนใจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ การแบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่งมาลงทุนเพื่อหวังผลให้มันงอกเงยกลายเป็น ‘ห่านทองคำ’ ที่ช่วยสร้าง Passive Income หาเงินให้เราสามารถเกษียณได้ก่อนกำหนด และใช้ชีวิตอย่างมีอิสรภาพทางการเงิน
นี่คือภาพฝันอันสวยหรูที่หลายคนวาดหวังไว้ว่าวันหนึ่งจะนำพาชีวิตไปสู่จุดนั้น แม้ในความเป็นจริง จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถแหวกกระแสคลื่นพานาวาลำน้อยไปสู่ฝั่งฝันได้
แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ได้ลองทำดูสักครั้ง จริงไหม?
หนึ่งในการลงทุนยอดนิยมที่ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ได้รับความสนใจเสมอ คือ การลงทุนในตลาดทุน หรือ การเล่นหุ้น ซึ่งปัจจุบันคุณสามารถเปิดพอร์ตลงทุนออนไลน์ได้แบบง่าย ๆ เพียงแค่ปลายนิ้วคลิก แถมยังสามารถใช้โปรแกรม Streaming ติดตามราคาหุ้นได้ตลอดเวลา แม้จะอยู่ในห้องเรียน หรือออฟฟิศ (ถ้าไม่โดนเจ้านายจับได้เสียก่อนว่าแอบเล่นหุ้น) ทุก ๆ ชั่วโมงจึงมีการเล่นหุ้นครั้งแรกเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย หรือให้ถูกคือทั่วโลก เพราะการลงทุนในหุ้นนั้นช่างดึงดูดใจ การได้ลุ้นระทึกไปกับราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นลงตามอารมณ์ของตลาด สำหรับคนหนุ่มสาว นับว่าเป็นความตื่นเต้นเร้าใจ หากยิ่งทำกำไรได้มากจากการใช้เงินเพียงน้อยนิด (มักเกิดขึ้นกับหุ้นปั่น และไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง) ก็ยิ่งทำให้เกิดความฮึกเหิมกริ่มใจ อัดเม็ดเงินเพิ่มลงไปกับการซื้อหุ้นจนการลงทุนกลายเป็นการพนันไปเสียอย่างนั้น เมื่อติดดอยก็พลอยกลายเป็นนักลงทุน VI ไปเสียดื้อ ๆ
นั่นก็มาสู่คำถามของเรา เล่นหุ้นดีไหม ทำไมต้องเล่นหุ้น เล่นหุ้นแล้วได้อะไร วันนี้ผมขอแบ่งปันประสบการณ์ในตลาดทุนของตนเองให้กับผู้ที่อยากลองลงทุนหุ้นดู แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเล่นหุ้นดีไหม เผื่อว่าจะได้มุมมองอะไรไปประกอบการตัดสินใจบ้างครับ
การเล่นหุ้นครั้งแรก
สำหรับผม เริ่มเข้าสู่ตลาดทุนตอนเริ่มทำงานได้ประมาณ 6 เดือน ต้องบอกก่อนว่าพอมีเงินเก็บในบัญชีธนาคารอยู่บางส่วนจากการเก็บหอมรอมริบตั้งแต่เด็กมากว่าสิบปี จึงนำเงินก้อนดังกล่าวมาซื้อกองทุนรวมอยู่ประมาณ 2 – 3 เดือน โดยเน้นกองทุนรวมตลาดทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้น SET50 และกองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ หรือ Feeder Funds ระหว่างนั้น ผมก็ศึกษาวิธีการเล่นหุ้นด้วยตัวเองผ่านหนังสือ เว็บไซต์ และ YouTube ต่าง ๆ แน่นอนหนึ่งในแหล่งความรู้ของผมย่อมมี Pantip อยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน
จากการค้นคว้าก็ทำให้พอทราบว่าการเล่นหุ้นนั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แถมผู้ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นส่วนใหญ่มักจะเป็นรายใหญ่สายป่านยาวที่ใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อหุ้นในช่วงเกิดวิกฤติหนัก ยกตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้งหรือวิกฤติซับไพรม์ (วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์) ทำให้ซื้อหุ้นได้ในราคาถูก และเมื่อถือมาจนถึงปัจจุบันหุ้นที่ถืออยู่ก็กลายเป็นหุ้นพอร์ตระเบิด สร้างกำไรได้หลายร้อยเท่า แต่โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้นเช่นนั้น ต้องบอกว่ามีโอกาสไม่มากนัก ที่สำคัญต้องมีความพร้อมในการลงทุนพอสมควร อย่างที่กูรูหุ้นหลายคนแนะนำว่าควรใช้ ‘เงินเย็น’ หรือเงินส่วนที่กันไว้สำหรับการลงทุนมาซื้อหุ้น เพราะหากผิดแผนติดดอย ก็ยังสามารถรอด้วยความ ‘ใจเย็น’ ถือยาวให้ราคาหุ้นเด้งกลับไปจนพอขายทำกำไรหรืออย่างแย่ก็เท่าทุนได้
แต่อย่างว่าการเล่นหุ้นครั้งแรกของผมก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด เพราะด้วยความที่ใจร้อน และไม่นิ่งพอ ทำให้ซื้อมาขายไปหลายครั้ง พอได้กำไรมาบ้างก็ถอนออกมาใช้จ่ายเหมือนกับคนที่ไม่มีเงินมาก่อน ซึ่งอยากเตือนผู้ที่เล่นหุ้น มือใหม่ ว่าเมื่อคุณได้กำไรจากการเล่นหุ้น ไม่ควรถอนกำไรเหล่านั้นออกมาใช้จ่าย แต่ควรถือเสียเลยว่าเงินที่อยู่ในพอร์ตหุ้น คือ เงินที่คุณได้ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้เพื่อการลงทุนสร้างความมั่งคั่งระยะยาว หรือ Passive Income คุณจะไม่ถอนมันออกมาใช้เพื่อความสุขสบายระยะสั้น (ยกเว้นมีเหตุฉุกเฉินจริง ๆ) หลักคิดแบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถอยู่ในตลาดทุนได้อย่างยาวนาน เพราะได้ตัดใจแล้วว่าเงินที่ใช้ซื้อหุ้นไม่ใช่เงินของคุณ ไม่ใช่เงินของวันนี้ แต่เป็นเงินที่ได้จ่ายไปแล้วเพื่อซื้ออนาคตที่ดีกว่าให้กับชีวิตของคุณเอง
เมื่อเล่นหุ้นแบบเดย์เทรดไปได้สักระยะ ผมก็พบว่าตนเองไม่ได้กำลังลงทุน แต่เหมือนการพนันเก็งกำไรมากกว่า ผิดจุดประสงค์ที่ตนเองตั้งใจไว้ไปหลายขุม จึงเริ่มปรับแผนการลงทุนมาเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว เลือกหุ้นที่เราชอบบริษัทและทิศทางธุรกิจจริง ๆ โดยที่ไม่ได้สนใจราคามากนัก การเล่นหุ้นรูปแบบนี้อาจไม่ได้ทำกำไรมากเหมือนกับการเล่นหุ้นกระแส (หากนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงหุ้น OR หรือ TIDLOR) หรือการซื้อมาขายไปเพื่อหวังส่วนต่างราคาแบบน้อยนิด แต่ก็รู้สึกสบายใจกว่าเป็นอย่างมาก แตกต่างจากการเล่นเดย์เทรดที่ต้องมานั่งกังวลเรื่องราคาขึ้นที่หุ้นลงรวดเร็ว กลัวขายไม่ทันคิดดอยบ้าง กลัวตกขบวนบ้าง พอเจอรูปแบบการเล่นหุ้นของตนเองก็เหมือนกับจับทางถูก ทุกวันนี้พอร์ตก็ยังเขียวอยู่ พร้อมกับจำนวนเงินที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นเงินที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ถอนมาใช้แน่ ๆ เพราะได้จ่ายซื้ออนาคตอิสรภาพทางการเงินไปแล้ว
ฉะนั้น จึงไม่มีอะไรที่จะตอบคำถาม เล่นหุ้น ดีไหม 2021 มากไปกว่าการหมั่นศึกษาศาสตร์แห่งการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือพยายามจับทางการเล่นหุ้นของตนเองให้ถูก อย่าไปลอกการบ้านใคร เพราะการเล่นหุ้นไม่มีสูตรสำเร็จ ทุกคนที่เข้ามาในตลาดทุนย่อมมีบาดแผลให้เกิดการเรียนรู้ บางคนอาจประสบความสำเร็จไว เพราะมีต้นทุนสูงหรือจับทางถูก แต่ไม่มีใครซื้อหุ้นถูกตัวตลอดชีวิตการเป็นนักลงทุน เพราะฉะนั้น เมื่อตัดสินใจเข้ามาเล่นหุ้นครั้งแรก ก็ต้องทำใจไว้ว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งก็ต้องมีวันที่พอร์ตเราขาดทุน แต่จะนานหรือสั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายมือของแต่ละคนที่ต้องหมั่นลับคมดาบ ฝึกฝนกันต่อไป
สุดท้ายนี้ ก็ขออวยพรให้นักเล่นหุ้นหน้าใหม่ประสบความสำเร็จกันทุกคน และอย่าลืมว่าควรใช้เงินเย็นที่เราตัดใจแล้วว่าจะใช้เป็นเงินลงทุนในการซื้อหุ้น เพราะนี่คือทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด การลงทุนทุกประเภทย่อมมีความเสี่ยง ไม่มีใครหลีกหนีความจริงข้อนี้พ้น บทความหน้าผมจะมาแบ่งปันว่าตนเองเลือกซื้อหุ้นตัวไหนดี 2021 สำหรับคนที่อยากได้แนวทางการวิเคราะห์หุ้นเบื้องต้น แต่ไม่ได้ชวนซื้อนะครับ เพราะผมไม่ใช่มาร์เก็ตติ้งหรือทำงานให้โบรกเกอร์ที่ไหน เป็นแค่นักลงทุนรายย่อย เป็นเม่าบินเข้ากองไฟเหมือนท่านนั่นแหละ
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นหุ้นดีไหม เช่น กองทุนรวม SCB ตัวไหนดี, กองทุน REIT ที่น่าสนใจ, กองทุน RMF กสิกรตัวไหนดี, กองทุนรวมกสิกรตัวไหนดี