เสฏฐวุฒิ อุดาการ
ได้ยินชื่อ Takeshi (Beat) Kitano มานานมาก เพิ่งได้มีโอกาสดูหนังของเขาเป็นครั้งแรก
Hana-Bi หรือดอกไม้ไฟ (Fireworks) เป็นหลักไมล์สำคัญของ Kitano ในโลกภาพยนตร์
เพราะมันทำให้เขาได้รับการยอมรับในฐานะผู้กำกับหนังที่มีสไตล์และน้ำเสียงในการเล่าเรื่องเป็นของตนเอง
Hana-Bi บอกเล่าเรื่องราวของ Nishi (รับบทโดย Kitano) อดีตตำรวจมือเก๋าที่ต้องพานพบกับเขี้ยวเล็บของชีวิตที่ขบกัดวิญญาณของเขาจนแหว่งวิ่น
ไม่ว่าการพบว่าภริยากำลังจะจากไปด้วยโรคลูคีเมีย หลังจากเพิ่งสูญเสียลูกสาวคนเดียวไปได้ไม่นาน
จนถึงความรู้สึกผิดที่บาดลึกไปถึงใจที่ทำให้เพื่อนร่วมงานและลูกน้องต้องเสียชีวิตจากความเลือดร้อนของตนเอง
ความผิดพลาดทำให้เขาต้องรับผิดชอบด้วยการเกษียณจากอาชีพตำรวจก่อนกำหนด และจำต้องเข้าไปพัวพันกับแก๊งยากูซ่าเพื่อยืมเงินมารักษาภริยา
หนังเรื่องนี้จึงฉายให้เห็นฉากชีวิตของชายวัยกลางคนที่เคยมีอดีตรุ่งโรจน์ ความฝัน และอุดมการณ์ เป็นตำรวจที่เคร่งครัดในหน้าที่และภารกิจ ก่อนที่เขาจะถูกด้านมืดของสังคมและบาดแผลในชีวิตบีบคั้น จนนำไปสู่จุดจบอันเป็นโศกนาฏกรรมอันท้ายที่สุด
เนื้อเรื่องอาจจะดูเหมือนเครียด แต่ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้ซ่อนฉากฮา ๆ ไว้มากมาย แต่ก็เป็นมุขตลกแบบที่ทำให้เราหัวเราะทั้งน้ำตา
สิ่งสำคัญของ Hana-Bi คือการเล่าเรื่องคู่ขนานระหว่าง Nishi กับ Horibe อดีตคู่หูและเพื่อนวัยเด็กที่ต้องพิการนั่งรถเข็นเพราะถูกผู้ร้ายยิงจนครอบครัวล่มสลาย ต้องพักอาศัยอยู่คนเดียวที่บ้านริมทะเล โดยผ่านวันเวลาแห่งความเงียบเหงาแต่ละวันโดยลำพัง
Horibe บอก Nishi เพื่อนรักว่าการวาดภาพอาจจะช่วยให้เขาผ่านพ้นความทุกข์ไปได้ง่ายขึ้น แต่ความจริงแล้วในน้ำเสียงที่สั่นเครือนั้น Nishi ผู้นิ่งเงียบรู้ดีว่าเพื่อนปรารถนาที่จะหนีไปจากพันธนาการนี้ด้วยการปลิดชีพตนเอง
ทั้งคู่เป็นคู่หูที่ผ่านช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของชีวิตมาด้วยกัน
ในขณะที่ Horibe เป็นตำรวจเลือดร้อนที่ชอบแสดงอิทธิฤทธิ์ Nishi กลับมีบุคลิกที่แตกต่างกันราวกับขั้วตรงข้าม
เขาเป็นตำรวจพูดน้อย ต่อยหนัก สุขุมเยือกเย็น และมักจะคอยปลอบ Horibe ให้ใจเย็นลงเสมอ
ทว่าเมื่อชะตาชีวิตของตำรวจคู่หูทั้งคู่พลิกผัน กลับกลายเป็น Nishi ที่ปล่อยความเกรี้ยวกราดออกมา
เป็นโทสาที่ดุเดือดราวกับดอกไม้ไฟสีเลือดที่พุ่งออกมาจากกลางใจอันร้าวราน
ทุกอย่างดิ่งลงเหวเมื่อหมอบอก Nishi ว่าเขาควรพาภริยากลับบ้านเพื่อจากไปอย่างสงบ
ประจวบเหมาะกับแก๊งยากูซ่าพยายามขู่เข็ญทุกวิถีทางเพื่อให้เขาใช้หนี้ พร้อม ๆ กับเพื่อนรักที่พยายามปลิดชีพตนเองแต่ไม่สำเร็จ
Nishi จึงตัดสินใจทำสิ่งที่หลายคนไม่เชื่อว่าคนอย่างเขาจะทำได้อย่างการซื้อรถแท็กซี่เก่ามาดัดแปลงเป็นรถตำรวจ และสวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ
ไปปล้นธนาคาร
เขาใช้เงินที่ปล้นมาได้ ส่งไปรษณีย์ไปให้ภริยาม่ายของลูกน้องที่เสียชีวิตไประหว่างปฏิบัติหน้าที่
เขาใช้เงินที่ปล้นมาได้ ซื้ออุปกรณ์วาดรูปแล้วส่งให้เพื่อนรักและอดีตคู่หูพิการ เพื่อบอกเป็นนัยว่าให้ใช้การวาดรูปค้นหาความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เขาใช้เงินที่ปล้นมาได้ พาภริยาขับรถตะลอนเที่ยวทั่วญี่ปุ่นด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย
ทั้งหมดทั้งมวล Nishi ไม่ได้ทำเพื่อตนเองเลยแม้แต่น้อย
เขาทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดแก๊งยากูซ่าที่พยายามเข้ามาขัดขวางโมงยามแห่งความสุขที่เขาจะได้ใช้ร่วมกับภริยา
ระหว่างทริป เขาพยายามจุดดอกไม้ไฟเพื่อสร้างความประทับใจให้กับภริยา
แต่รอจนแล้วจนรอด เจ้าดอกไม้ไฟก็ไม่ยอมขึ้นผลิบานประดับฟ้าราตรีเสียที
ก็ต่อเมื่อเขาลุกขึ้นไปตรวจสอบดูเท่านั้นแหละ ที่ดอกไม้ไฟก็ปะทุขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาล้มหกคะมำไม่เป็นท่า
แม้ว่าดอกไม้ไฟจะไม่ได้เบ่งบานแข่งกับหมู่ดาวอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ท่าทีของชายวัยกลางคนผู้เงียบขรึมที่พยายามทำในสิ่งที่ดูผิดที่ผิดทางอย่างการจุดดอกไม้ไฟอย่างทุลักทุเลก็ทำให้รอยยิ้มผลิบานเต็มใบหน้าภริยาของเขา
นี่ไม่ใช่หรือ ความงดงามของดอกไม้ไฟที่แท้จริงในชีวิตของ Nishi
Nishi รู้ปลายทางของการตัดสินใจของตนเองอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เขาพาภริยาไปนั่งชมวิวทะเลที่ชายหาดเป็นครั้งสุดท้าย
เด็กสาวคนหนึ่งกำลังเล่นว่าวที่ลู่ลมอยู่เพียงลำพัง สองสามีภริยานั่งดูอย่างเงียบงัน นึกถึงลูกสาวที่จากไป
Nishi พยายามเข้าไปเล่นว่าวกับเด็กสาว แต่ก็ลงเอยด้วยการทำว่าวของเธอฉีกขาด แหว่งวิ่นเหมือนชีวิตของเขา
เมื่อตำรวจที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและลูกศิษย์ของเขาตามมาพบ Nishi ขอเวลาให้ได้อยู่กับภริยาอีกสักพัก
โหลดกระสุนใส่ปืนพก ภริยาเอนเข้าซบไหล่ บอกขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเธอ
ทะเลช่างงดงาม คลื่นกระทบฝั่ง ไม่มีวันหยุด เช่นที่เป็นมาหลายล้านปี
เสียงปืนดังขึ้น 2 นัด เด็กสาวหยุดเล่นว่าว ชะงักงัน บอกไม่ถูกว่าตื่นตกใจหรือสับสน
Hana-Bi จบลงตรงนี้
นี่เป็นหนังที่หลายคนอาจจะมองว่าเศร้าเกินไป เพราะแม้ Kitano จะไม่ได้ฉายให้เห็นตอนจบชัด ๆ ว่า Nishi ตัดสินใจจบชีวิตตนเองพร้อมภริยา หรือใช้กระสุนสองนัดกำจัดตำรวจรุ่นน้องของตนเองแล้วหนีต่อไป แต่นี่คือหนังที่ชี้ให้เราหันมาทบทวนมุมมองต่อชีวิต
โลกอาจเป็นสถานที่งดงามและโหดร้ายได้ในขณะเดียวกัน
ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
ขณะที่ Horibe ต้องพิการนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตและต้องหย่าร้างกับภริยา เขายังบอกกับอดีตลูกน้องว่าเขายังโชคดีกว่า Nishi ที่สูญเสียลูกสาวไป และภริยาก็กำลังจะจากไปด้วยเช่นกัน แต่ที่สำคัญคือ Nishi ไม่มีสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจเหมือนกับศิลปะ การวาดรูป และการดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติ
สำหรับ Nishi โลกนี้คือการใช้กำลัง ความรุนแรง หยาดเลือด และกระสุนปืน เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นในการรับมือกับความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต นอกเหนือไปจากการปล่อยให้ดอกไม้ไฟสีเลือดปะทุออกมาจากภายในใจ จนมันกลืนกินชีวิตชายคนหนึ่งแล้วพาเขาเข้าสู่ด้านมืดในท้ายที่สุด
ต่างจากดอกไม้ไฟของ Horibe ที่สะท้อนให้เห็นความหวังของการมีชีวิตอยู่
ดอกไม้ที่เบ่งบานขึ้นมาในบริบทต่าง ๆ รอบตัว เขาลงมือวาดภาพผู้คนและสัตว์ต่าง ๆ แล้วแทนที่ใบหน้าของสิ่งเหล่านั้นด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด
เปรียบได้ดั่งภาพสะท้อนว่าแม้ชีวิตจะไม่สมบูรณ์แบบ สังคมรอบข้างเต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบ หรือครอบครัวที่แตกสลาย
แต่ก็ชีวิตก็ยังมีแง่มุมที่งดงามซุกซ่อนอยู่เสมอขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนมอง
และนั่นก็คือความหมายของความหวังที่ไม่ต่างจากดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นเปล่งประกาย ระบายสีสันให้กับดวงใจที่มืดหม่น
ให้พร้อมลุกขึ้นสู้และมุ่งหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไป.
ในส่วนของการถ่ายทำ Hana-Bi มีการกำกับภาพที่งดงาม การตัดต่อและจังหวะจะโคนในการเล่าเรื่องอาจจะตัดเร็วฉึบฉับไปบ้างตามสไตล์ของ Kitano
แต่เหนืออื่นใดคือดนตรีประกอบของ Joe Hisaishi Composer คู่บุญของ Kitano ที่จับอารมณ์คนดูได้อย่างอยู่หมัดตั้งแต่ฉากแรกจนถึงฉากสุดท้าย
สะท้อนให้เห็นว่าในหนังที่มีบทสนทนาน้อย เน้นการแสดงสีหน้าท่าทางของตัวละคร รูปภาพ และวิวธรรมชาติของญี่ปุ่นเป็นหลัก ดนตรีประกอบมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเนื้อเรื่องและบ่งบอกความรู้สึกของตัวละครโดยไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ
หากกล่าวว่า Hana-Bi เป็นงานชิ้นเอกของ Kitano ก็ควรกล่าวด้วยว่าหนังเรื่องนี้คืองานชิ้นเอกของ Joe Hisaishi ด้วยดุจกัน