รีวิว Hana-BI 1997

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟแห่งความหวัง

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

เสฏฐวุฒิ อุดาการ

ได้ยินชื่อ Takeshi (Beat) Kitano มานานมาก เพิ่งได้มีโอกาสดูหนังของเขาเป็นครั้งแรก

Hana-Bi หรือดอกไม้ไฟ (Fireworks) เป็นหลักไมล์สำคัญของ Kitano ในโลกภาพยนตร์

เพราะมันทำให้เขาได้รับการยอมรับในฐานะผู้กำกับหนังที่มีสไตล์และน้ำเสียงในการเล่าเรื่องเป็นของตนเอง

 

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

Hana-Bi บอกเล่าเรื่องราวของ Nishi (รับบทโดย Kitano) อดีตตำรวจมือเก๋าที่ต้องพานพบกับเขี้ยวเล็บของชีวิตที่ขบกัดวิญญาณของเขาจนแหว่งวิ่น

ไม่ว่าการพบว่าภริยากำลังจะจากไปด้วยโรคลูคีเมีย หลังจากเพิ่งสูญเสียลูกสาวคนเดียวไปได้ไม่นาน

จนถึงความรู้สึกผิดที่บาดลึกไปถึงใจที่ทำให้เพื่อนร่วมงานและลูกน้องต้องเสียชีวิตจากความเลือดร้อนของตนเอง

ความผิดพลาดทำให้เขาต้องรับผิดชอบด้วยการเกษียณจากอาชีพตำรวจก่อนกำหนด และจำต้องเข้าไปพัวพันกับแก๊งยากูซ่าเพื่อยืมเงินมารักษาภริยา

หนังเรื่องนี้จึงฉายให้เห็นฉากชีวิตของชายวัยกลางคนที่เคยมีอดีตรุ่งโรจน์ ความฝัน และอุดมการณ์ เป็นตำรวจที่เคร่งครัดในหน้าที่และภารกิจ ก่อนที่เขาจะถูกด้านมืดของสังคมและบาดแผลในชีวิตบีบคั้น จนนำไปสู่จุดจบอันเป็นโศกนาฏกรรมอันท้ายที่สุด

 

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

เนื้อเรื่องอาจจะดูเหมือนเครียด แต่ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้ซ่อนฉากฮา ๆ ไว้มากมาย แต่ก็เป็นมุขตลกแบบที่ทำให้เราหัวเราะทั้งน้ำตา

สิ่งสำคัญของ Hana-Bi คือการเล่าเรื่องคู่ขนานระหว่าง Nishi กับ Horibe อดีตคู่หูและเพื่อนวัยเด็กที่ต้องพิการนั่งรถเข็นเพราะถูกผู้ร้ายยิงจนครอบครัวล่มสลาย ต้องพักอาศัยอยู่คนเดียวที่บ้านริมทะเล โดยผ่านวันเวลาแห่งความเงียบเหงาแต่ละวันโดยลำพัง

Horibe บอก Nishi เพื่อนรักว่าการวาดภาพอาจจะช่วยให้เขาผ่านพ้นความทุกข์ไปได้ง่ายขึ้น แต่ความจริงแล้วในน้ำเสียงที่สั่นเครือนั้น Nishi ผู้นิ่งเงียบรู้ดีว่าเพื่อนปรารถนาที่จะหนีไปจากพันธนาการนี้ด้วยการปลิดชีพตนเอง  

ทั้งคู่เป็นคู่หูที่ผ่านช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของชีวิตมาด้วยกัน

ในขณะที่ Horibe เป็นตำรวจเลือดร้อนที่ชอบแสดงอิทธิฤทธิ์ Nishi กลับมีบุคลิกที่แตกต่างกันราวกับขั้วตรงข้าม

เขาเป็นตำรวจพูดน้อย ต่อยหนัก สุขุมเยือกเย็น และมักจะคอยปลอบ Horibe ให้ใจเย็นลงเสมอ

ทว่าเมื่อชะตาชีวิตของตำรวจคู่หูทั้งคู่พลิกผัน กลับกลายเป็น Nishi ที่ปล่อยความเกรี้ยวกราดออกมา

เป็นโทสาที่ดุเดือดราวกับดอกไม้ไฟสีเลือดที่พุ่งออกมาจากกลางใจอันร้าวราน

 

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

ทุกอย่างดิ่งลงเหวเมื่อหมอบอก Nishi ว่าเขาควรพาภริยากลับบ้านเพื่อจากไปอย่างสงบ

ประจวบเหมาะกับแก๊งยากูซ่าพยายามขู่เข็ญทุกวิถีทางเพื่อให้เขาใช้หนี้ พร้อม ๆ กับเพื่อนรักที่พยายามปลิดชีพตนเองแต่ไม่สำเร็จ

Nishi จึงตัดสินใจทำสิ่งที่หลายคนไม่เชื่อว่าคนอย่างเขาจะทำได้อย่างการซื้อรถแท็กซี่เก่ามาดัดแปลงเป็นรถตำรวจ และสวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ

ไปปล้นธนาคาร

เขาใช้เงินที่ปล้นมาได้ ส่งไปรษณีย์ไปให้ภริยาม่ายของลูกน้องที่เสียชีวิตไประหว่างปฏิบัติหน้าที่

เขาใช้เงินที่ปล้นมาได้ ซื้ออุปกรณ์วาดรูปแล้วส่งให้เพื่อนรักและอดีตคู่หูพิการ เพื่อบอกเป็นนัยว่าให้ใช้การวาดรูปค้นหาความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

เขาใช้เงินที่ปล้นมาได้ พาภริยาขับรถตะลอนเที่ยวทั่วญี่ปุ่นด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

ทั้งหมดทั้งมวล Nishi ไม่ได้ทำเพื่อตนเองเลยแม้แต่น้อย

 

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

เขาทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดแก๊งยากูซ่าที่พยายามเข้ามาขัดขวางโมงยามแห่งความสุขที่เขาจะได้ใช้ร่วมกับภริยา

ระหว่างทริป เขาพยายามจุดดอกไม้ไฟเพื่อสร้างความประทับใจให้กับภริยา

แต่รอจนแล้วจนรอด เจ้าดอกไม้ไฟก็ไม่ยอมขึ้นผลิบานประดับฟ้าราตรีเสียที

ก็ต่อเมื่อเขาลุกขึ้นไปตรวจสอบดูเท่านั้นแหละ ที่ดอกไม้ไฟก็ปะทุขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาล้มหกคะมำไม่เป็นท่า

แม้ว่าดอกไม้ไฟจะไม่ได้เบ่งบานแข่งกับหมู่ดาวอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ท่าทีของชายวัยกลางคนผู้เงียบขรึมที่พยายามทำในสิ่งที่ดูผิดที่ผิดทางอย่างการจุดดอกไม้ไฟอย่างทุลักทุเลก็ทำให้รอยยิ้มผลิบานเต็มใบหน้าภริยาของเขา

นี่ไม่ใช่หรือ ความงดงามของดอกไม้ไฟที่แท้จริงในชีวิตของ Nishi

 

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

Nishi รู้ปลายทางของการตัดสินใจของตนเองอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เขาพาภริยาไปนั่งชมวิวทะเลที่ชายหาดเป็นครั้งสุดท้าย

เด็กสาวคนหนึ่งกำลังเล่นว่าวที่ลู่ลมอยู่เพียงลำพัง สองสามีภริยานั่งดูอย่างเงียบงัน นึกถึงลูกสาวที่จากไป

Nishi พยายามเข้าไปเล่นว่าวกับเด็กสาว แต่ก็ลงเอยด้วยการทำว่าวของเธอฉีกขาด แหว่งวิ่นเหมือนชีวิตของเขา

เมื่อตำรวจที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและลูกศิษย์ของเขาตามมาพบ Nishi ขอเวลาให้ได้อยู่กับภริยาอีกสักพัก

โหลดกระสุนใส่ปืนพก ภริยาเอนเข้าซบไหล่ บอกขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเธอ

ทะเลช่างงดงาม คลื่นกระทบฝั่ง ไม่มีวันหยุด เช่นที่เป็นมาหลายล้านปี

เสียงปืนดังขึ้น 2 นัด เด็กสาวหยุดเล่นว่าว ชะงักงัน บอกไม่ถูกว่าตื่นตกใจหรือสับสน

Hana-Bi จบลงตรงนี้

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

นี่เป็นหนังที่หลายคนอาจจะมองว่าเศร้าเกินไป เพราะแม้ Kitano จะไม่ได้ฉายให้เห็นตอนจบชัด ๆ ว่า Nishi ตัดสินใจจบชีวิตตนเองพร้อมภริยา หรือใช้กระสุนสองนัดกำจัดตำรวจรุ่นน้องของตนเองแล้วหนีต่อไป แต่นี่คือหนังที่ชี้ให้เราหันมาทบทวนมุมมองต่อชีวิต

โลกอาจเป็นสถานที่งดงามและโหดร้ายได้ในขณะเดียวกัน

ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน

ขณะที่ Horibe ต้องพิการนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตและต้องหย่าร้างกับภริยา เขายังบอกกับอดีตลูกน้องว่าเขายังโชคดีกว่า Nishi ที่สูญเสียลูกสาวไป และภริยาก็กำลังจะจากไปด้วยเช่นกัน แต่ที่สำคัญคือ Nishi ไม่มีสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจเหมือนกับศิลปะ การวาดรูป และการดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติ

สำหรับ Nishi โลกนี้คือการใช้กำลัง ความรุนแรง หยาดเลือด และกระสุนปืน เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นในการรับมือกับความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต นอกเหนือไปจากการปล่อยให้ดอกไม้ไฟสีเลือดปะทุออกมาจากภายในใจ จนมันกลืนกินชีวิตชายคนหนึ่งแล้วพาเขาเข้าสู่ด้านมืดในท้ายที่สุด

 

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

ต่างจากดอกไม้ไฟของ Horibe ที่สะท้อนให้เห็นความหวังของการมีชีวิตอยู่

ดอกไม้ที่เบ่งบานขึ้นมาในบริบทต่าง ๆ รอบตัว เขาลงมือวาดภาพผู้คนและสัตว์ต่าง ๆ แล้วแทนที่ใบหน้าของสิ่งเหล่านั้นด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด

เปรียบได้ดั่งภาพสะท้อนว่าแม้ชีวิตจะไม่สมบูรณ์แบบ สังคมรอบข้างเต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบ หรือครอบครัวที่แตกสลาย

แต่ก็ชีวิตก็ยังมีแง่มุมที่งดงามซุกซ่อนอยู่เสมอขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนมอง

และนั่นก็คือความหมายของความหวังที่ไม่ต่างจากดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นเปล่งประกาย ระบายสีสันให้กับดวงใจที่มืดหม่น

ให้พร้อมลุกขึ้นสู้และมุ่งหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไป.

 

Hana-Bi (1997) ดอกไม้ไฟกลางใจหม่น

ในส่วนของการถ่ายทำ Hana-Bi มีการกำกับภาพที่งดงาม การตัดต่อและจังหวะจะโคนในการเล่าเรื่องอาจจะตัดเร็วฉึบฉับไปบ้างตามสไตล์ของ Kitano

แต่เหนืออื่นใดคือดนตรีประกอบของ Joe Hisaishi Composer คู่บุญของ Kitano ที่จับอารมณ์คนดูได้อย่างอยู่หมัดตั้งแต่ฉากแรกจนถึงฉากสุดท้าย

สะท้อนให้เห็นว่าในหนังที่มีบทสนทนาน้อย เน้นการแสดงสีหน้าท่าทางของตัวละคร รูปภาพ และวิวธรรมชาติของญี่ปุ่นเป็นหลัก ดนตรีประกอบมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเนื้อเรื่องและบ่งบอกความรู้สึกของตัวละครโดยไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ

หากกล่าวว่า Hana-Bi เป็นงานชิ้นเอกของ Kitano ก็ควรกล่าวด้วยว่าหนังเรื่องนี้คืองานชิ้นเอกของ Joe Hisaishi ด้วยดุจกัน