Doctor sleep หนัง

[รีวิว] Doctor Sleep (The Shining 2) :อุบัติการณ์แห่งพลัง

ลิงก์ผู้สนับสนุน

“The World is a hungry place”

          หากถามว่าสิ่งใดที่น่ากลัวที่สุดใน Doctor Sleep

          เราก็ตอบได้อย่างลังเลเลยว่า

          Stephen King

          ปี 2019 เป็นหนึ่งในปีของ King เลยก็ว่าได้ เพราะมีหนังที่ดัดแปลง (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า) จากนิยายของเขาถึง 3 เรื่องที่เข้าฉาย ได้แก่ Pet Cemetery, IT Chapter 2 และ Doctor Sleep (ไม่รวม In the Tall Glass ที่ฉายทาง Netflix) รวมทั้งมีนิยายเรื่องใหม่อย่าง The Institution ที่เพิ่งวางแผนเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

          ปัญหาคือไม่ใช่หนังสือทุกเล่มที่เหมาะกับการดัดแปลง

          และไม่ใช่หนังทุกเรื่องที่ดัดแปลงแล้วจะทำได้ดี

          มาถึงตรงนี้ก็น่าจะเดาออกแล้วว่าเรารู้สึกยังไงกับ Doctor Sleep

          Doctor Sleep พาเรากลับไปยังโลกของ The Shining อีกครั้ง โดยเริ่มต้นด้วยการสำรวจชีวิตของ Danny Torrance หลังเหตุการณ์สยองขวัญที่โรงแรม Overlook

          แทบทั้งเรื่องของ Doctor Sleep มีเงาของ The Shining ทาบทับอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น การรู้เรื่องราวของ The Shining ก็จำเป็นในการเข้าใจที่มาที่ไปของสัมผัสวิเศษและตัวละครที่จู่ ๆ ก็โผล่มาได้ดีขึ้น

          การดู The Shining ก่อนมาดู Doctor Sleep สำคัญมาก

          เพราะไม่อย่างนั้นเมื่อผ่านไปไม่ถึงครึ่งทางของหนังความยาวกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที

          คุณก็จะกลายเป็น Doctor SLEEP ไปก่อนที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

          โดยหลักแล้ว Doctor Sleep พาผู้ชมไปทำความรู้จักกับสัมผัสวิเศษหรือสิ่งที่ King เรียกว่า The Shining มากยิ่งขึ้น ซึ่งพลังวิเศษนี้เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในนิยายและหนังที่ดัดแปลงจากนิยายของ King อยู่หลายเรื่องด้วยกัน เท่าที่เรานึกออกก็น่าจะมี The Green Mile เรื่องหนึ่งที่ตัวละครมีพลังเหนือธรรมชาติ หรือ Carrie ที่เป็นพลังในเชิง Darkside หน่อยนั่นเอง

          กล่าวอย่างตรงไปตรงมา The Shining ก็คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าเกิด Stephen King เขียน Star Wars นั่นแหละ

 

เพราะด้วยเหตุนี้เองเราจึงเรียก Doctor Sleep ว่า The Shining Episode II: The Force Awakens

          Doctor Sleep แนะนำให้เรารู้จักกับกลุ่ม The True Knot หรือผู้ที่มีพลัง The Shining เหมือนกันแต่ใช้พลังดังกล่าวในการแสวงหาผู้ที่มีพลังเหมือนกัน แล้วสูบกินพลังเหล่านั้นเพื่ออยู่คงกระพัน กลุ่มดังกล่าวนำโดยสตรีในชุดสีดำพร้อมหมวกนักมายากลอันเป็นเอกลักษณ์นามว่าไคโร เรน ไม่ใช่ ผิดเรื่อง! นามว่า Rose the Hat

          กลุ่ม The True Knot ก็หากินกับเด็กผู้มีพลังวิเศษไปตามปกติจนกระทั่งไปพบเจอกับเด็กคนหนึ่งที่มีพลังกล้าแกร่งมาก เธอผู้นี้สามารถท้าทาย Rose the Hat ได้โดยไม่ต้องผ่านการฝึกฝนใด ๆ นามของเธอคือเรย์ ไม่ใช่! Abra ต่างหาก (King คิดยังไงตั้งชื่อตัวละครแบบนี้?)

          Abra ทำความรู้จักกับ Danny ด้วยการใช้โทรจิตซึ่งเป็นฟังก์ชั่นหนึ่งของ The Shining เรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ Force Skype เหมือนไคโรกับเรย์นั่นแหละ ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นของทั้งคู่ พร้อมกับคำแนะนำของพ่อครัวคนเก่าแก่จาก The Shining ที่มาปรากฎตัวในรูปแบบ Force Ghost ทำให้อัศวินเจได ไม่ใช่! ต้องออกมาจากการหลบหลีกลี้ภัยและเก็บซ่อนพลังของตนเอง แล้วร่วมมือกับ Abra เพื่อต่อกรกับ Rose the Hat และกลุ่ม The True Hat

          พอมาถึงตรงนี้ แฟนหนัง The Shining ของ Stanley Kubrick ที่ไม่เคยอ่านนิยายเรื่อง Doctor Sleep มาก่อนก็คงอ้าปากหวอเหมือนกับเรานี่แหละ

          และยิ่ง Danny วัยผู้ใหญ่นำแสดงโดย Ewan McGregor แล้วด้วยล่ะก็ ทำให้คิดไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่านี่มัน Obi-wan Kenobi ในช่วงเวลาที่กบดานบนดาว Tatooine ชัด ๆ หรือไม่ก็เป็นความฝันตอนที่แกเมา Blue milk หรือฉีด Death stick จนเพ้อฝัน

          แม้ว่าธีมของ Doctor Sleep จะพูดถึงการปลดปล่อยพลังโดยที่ไม่ต้องกดปิดทับมันไว้ แต่หนังก็เลือกที่จะนำเสนอประเด็นดังกล่าวอย่างเบาหวิวจนแทบจะไม่มีความสำคัญใด ๆ เหมือนหนังเลือกตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองไม่ถูกว่าจะเป็นหนังภาคแยกในจักรวาลของ The Shining หรือหนังภาคต่อโดยตรงดี

          แต่เท่าที่เห็น Doctor Sleep ใช้องค์ประกอบของ The Shining ได้อย่างไม่มีชั้นเชิงเอาเสียเลย

          แม้ว่าตัวหนังจะดำเนินรอยต่อสูตรของ The Shining ทุกประการ ทั้งมุมกล้อง การตัดฉาก การใช้ซาวน์ประกอบ การแพนกล้องจับกิริยาของตัวละคน ตลอดจนเดินตามสูตรของ The Shining ที่อัดไคลแมกซ์ทุกอย่างไว้ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย

          แต่พอมันไม่ใช่ Stanley Kubrick กำกับ

          มันก็ไม่ใช่ The Shining ที่มีความคลาสสิคและแฟนหนังหลายคนรัก

          แม้ Doctor Sleep จะพาเรากลับไปเยือนโรงแรม Overlook อีกครั้ง

          แต่เมื่อไร้เงา Jack Nicholson หรือบทหนังที่ดีมากพอ (ตำนานเล่าว่า Stanley Kubrick ไม่เคยเหลียวตามองบทหนังที่ King เขียนให้)

          Doctor Sleep ก็เป็นได้เพียงภาคต่อที่จืดชืด ไร้มนต์ขลัง แถมยังมีพล็อตคล้ายคลึงกับ The Force Awakens จนน่าขันอีกต่างหาก และที่สำคัญคือฉากรวมผีในตอนท้ายที่โรงแรม Overlook ขอบอกเลยว่า Cheap มาก ๆ เหมือนใส่มาแบบขอไปที

          หากเป็นแบบนี้ อยากได้ภาคต่ออีกแบบหนึ่งมากกว่า

          อยากให้ผีเด็กพี่น้องได้เจอกับ Danny ตัวจริงน่าจะมันส์กว่า

          Hello Danny!

          Danny Trejo’s Machete Kills!

          อยากรู้ว่าขวานของ Jack Torrance หรือจะสู่มีดพร้าของ Machete ได้!

ปล.หนังไม่ได้ใช้เทคโนโลยี De-age แต่มีการ Recreate ตัวละครและฉากใน The Shining ขึ้นมาใหม่โดยใช้นักแสดงแทน ซึ่งส่วนตัวเรารู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ แถมผีก็ออกมาแบบเปลืองสุด ๆ นึกว่านั่งดู Zombieland อยู่

           

ลิงก์ผู้สนับสนุน