“ดาหลา
กระซิบชื่อคุณเบา ๆ ยามตะวันโผล่พ้นทิวเขา
นกร้องขานรับ ราวกับชื่อคุณคือโน้ตตัวแรกของบทเพลงยามเช้า
แดดอุ่นอาบไล้ใบหน้า นุ่มนวล แผ่วเบา เหมือนสัมผัสจากมือคุณ
ยามดวงจันทร์จุมพิตลาราตรี ผมคิดถึงคุณ
ยามดวงดาราบอกรักฟ้าอุษาสาง ผมคิดถึงคุณ”
…
Classic Again เป็นงานรีเมคแบบเฟรมต่อเฟรม
ดุจภาพวาดที่ถูกเขียนขึ้นใหม่โดยอิงจากเค้าโครงเดิม
เพียงแค่องค์ประกอบภาพเปลี่ยนไป
แต่อาจจะยังให้ความรู้สึกเหมือนเดิม…สำหรับบางคน
หนังเรื่องตั้งชื่อคล้ายการเล่าเรื่องแบบละครเวที โดยแบ่งออกเป็น 3 องก์ ได้แก่ จดหมาย สายฝน และร่มวิเศษ
โครงเรื่องที่หลายคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว คือการขยำรวมพล็อตหนังรักคลาสสิคแนว Shakespearian ทั้งหมดไว้ด้วยกัน
ชื่อภาษาอังกฤษของต้นฉบับจึงเรียกว่า The Classic เพราะบอกเล่ารูปแบบความรักที่เกิดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โศกนาฏกรรมความรัก พบเพื่อจาก พรากเพื่อจดจำ อันเป็นสูตรของนิยายรักที่ยังคงขายได้อยู่เรื่อย ๆ ในปัจจุบันและบางที…ตลอดกาล
แต่ด้วยความที่เป็นหนังรีเมค Classic Again จึงขาดอิสระในการเล่าเรื่องไปอย่างน่าเสียดาย
จนบางครั้งรู้สึกเหมือนกับการนำเฟรมหลาย ๆ เฟรมมาต่อกัน เพื่อบีบคั้นอารมณ์ของผู้ชมจนสูญเสียจังหวะในการเล่าเรื่องไป
ทั้งที่ ความเป็นจริงแล้ว การรีเมคแบบเฟรมต่อเฟรมไม่ได้เสียหาย แต่สามารถทำให้ลื่นไหลได้มากกว่านี้
หากหนังแบ่งโครงการสร้างการเล่าเรื่องเป็น 3 องก์แบบละครเวทีน่าจะช่วยสร้างความน่าจดจำในแต่ละฉากที่รู้สึกว่าสั้นหรือยาวไปในหลายจุดให้สมบูรณ์มากขึ้น
สิ่งที่ต้องน่าชมเชยคือการหาโลเคชั่นในการถ่ายทำที่ให้งดงามมากทีเดียว รวมทั้งเทคนิคการย้อมสีภาพแบบที่นิยมใช้ในงาน MV ปัจจุบัน ทำให้หนังมีภาพที่หวานมากทีเดียว
ให้อารมณ์เหมือนเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในจินตนาการของลูกสาว เป็นภาพฝันและความทรงจำที่อ่อนหวาน งดงาม และปวดร้าว
ฉากที่ชอบที่สุดคงหนีไม่พ้นฉากกล่องเก็บจดหมายในซีนต้น ๆ ของเรื่อง อาจเป็นเพราะมีประสบการณ์ร่วมบางอย่างที่ดำเนินตามพล็อตหนังเกือบทุกอย่าง
กับอีกซีนหนึ่งคือซีนงานเต้นรำที่ชอบเป็นการส่วนตัว แต่คิดว่าสั้นเกินไปหน่อย รู้สึกเสมอว่าตัวเองเกิดช้าไป 50 ปี ชอบสีสันและเพลงในฉากนี้ คิดว่าเข้ากันมาทีเดียว
โดยเฉพาะนางเอก ที่ส่วนตัวคิดว่าฉากอื่นไม่ได้ขับเน้นความงามโดดเด่นมากเท่ากับเดรสสีฟ้าในฉากนี้ที่ทำให้แทบละสายตาไปจากจอไม่ได้เลยทีเดียว
แต่สำหรับฉากอื่น ๆ ยอมรับว่าด้วยความสัจจริงว่าหลุดขำในฉากที่ไม่ควรขำออกมาหลายฉาก มีบางฉากที่รู้สึกว่าเคารพต้นฉบับจนดูผิดที่ผิดทางไปนิด
โดยเฉพาะฉากรบที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องใส่มาเลย เพราะมีความสมจริงน้อยมากจนเหมือน MV หรือโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังมากเกินไป อย่าโกรธกัน แต่เข้าไม่ถึงจริง ๆ
ในภาพรวม Classic Again เป็นหนังที่เพลย์เซฟเป็นส่วนใหญ่ เพราะเค้าโครงของต้นฉบับก็มีความงดงาม ‘แบบเชย ๆ’ แต่ตราตรึงอยู่มากแล้ว เพียงแต่จะทำให้ดีกว่านี้ก็ได้เช่นกัน
หนังเรื่องนี้นั่งดูเครดิตหลังจบ ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยทำมาก่อน เพราะต้องการดูชื่อมือเขียนบท ไม่ได้ว่าอะไร แต่รู้สึกว่าบางบทสนทนามันแปลก ๆ จะว่ามีความงดงามแบบตัวละครในนิยายก็ไม่เชิง
เพราะตัวเองเคยถูกวิจารณ์ว่าเขียนบทสนทนาไม่เป็น เขียนไม่เหมือนมนุษย์พูดกันมาตลอด เลยพยายามทำความเข้าใจว่าข้อผิดพลาดของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความคลาสสิคจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่ตัวหนัง
หากแต่อยู่ที่เรื่องราวชีวิตของคนดูกับหนังที่อาจมีส่วนเหลื่อมซ้อนกัน
ฉากบางฉาก เรื่องบางเรื่อง
แค่แตะเบา ๆ ก็สะเทือนใจ.
…
คิดถึงจดหมายในสมุดปกแดง
คิดถึงสายฝนยามเมื่อคุณแหงนหน้ามอง
คิดถึงร่มคันเก่าผุพังที่คุณฝากไว้
แต่ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี
เพราะนอกจากเขียนจดหมายรักถึงคุณแล้ว
ผมก็ไม่เก่งอะไรเลย.